แนะนำหนังดีน่าดู กับหายนะครั้งใหญ่จากดวงจันทร์ “วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก”

Posted 2023/08/04 155 0

แนะนำหนังดีน่าดู กับแนววันโลกาวินาศสไตล์ของผู้กำกับจอมทำลายล้าง ที่อยากรวมเอาฉากวันล้างโลกทั้งหมด มาไว้ในหนังเรื่องนี้

แนะนำหนังดีน่าดู แน่นอนว่าถ้าเรานึกถึงหนังเกี่ยวกับ วันหายนะของโลก หรือหนังที่ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ แน่นอนว่าก็ต้องมีชื่อ ของผู้กำกับมือฉมัง ที่เรียกได้ว่าหากินกับหนังแนวนี้ อย่างโรแลนด์ เอ็มเมอริช ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชมภาพยนตร์ ให้ตรึงอยู่บนหน้าจอด้วยวันโลกาวินาศ ซึ่งเขากลับมาพร้อมกับ หนังใหม่เรื่องมูนฟอลล์ (ไลออนส์เกต) หรือชื่อไทยว่า “วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก” หนังแฟนตาซีแนววิทยาศาสตร์ ที่เขาเคยเขียนร่วมกับฮารัลด์ โคลเซอร์ และสเปนเซอร์ โคเฮน

แนะนำหนังดีน่าดู

แต่การกลับมาของโรแลนด์คราวนี้ ไม่ใช่วันหายนะของโลกที่เกิดจากการบุกรุกของมนุษย์ต่างดาว (ไอดี 4 สงครามวันดับโลก) หรือผลกระทบของภาวะโลกร้อน (วิกฤติวันสิ้นโลก) ที่คุกคามมนุษยชาติให้สูญพันธุ์ แต่เกิดจากดาวเคราะห์ที่ส่องสว่าง ให้กับโลกของเราในยามค่ำคืน อย่างดวงจันทร์ ด้วยการพิจารณากฎแห่งธรรมชาติ และการหลุดออกจากวงโคจรของดวงจันทร์ ที่กำลังจะพุ่งเข้ามาชนกับโลก แล้วแตกออกเป็นชิ้นๆ ขนาดมหึมา เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ

ในหนังเรื่องนี้ ได้เล่าถึงความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้น หากดวงจันทร์หลุดออกจากวงโคจร และตกลงสู่พื้นโลก ก่อนการชนครั้งใหญ่นั้น แรงโน้มถ่วงของโลกจะค่อยๆ  หายไป ในขณะที่ดวงจันทร์ก็จะทิ้งเศษซากกระจายออกมา เมื่อเข้าใกล้โลก สิ่งที่เกิดขึ้นในหนัง เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในเค้าโครงเรื่องหรือพล็อตนั้น ล้วนมีที่มาที่ไป และในเรื่องนี้เกิดจากไอเดีย ที่โรแลนด์ไปอ่านทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า แท้ที่จริงแล้วดวงจันทร์นั้นกลวง และเป็นสิ่งประดิษฐ์ หาใช่ดาวที่เกิดตามธรรมชาติ

เขาก็เลยนำมาต่อยอด ออกมาเป็นพล็อตหนังแนววันวิบัติของโลก เช่นเดียวกับผลงานก่อนๆ ที่มักโยงมาจากทฤษฎีสมคบคิดเช่นกัน ในทฤษฎีสมคบคิด ของหนังที่โรแลนด์เคยสร้าง และได้รับความนิยมที่มีกระแสตอบรับ ด้วยยอดคนดูที่มีมากมายจากทั่วโลก และการันตรีรายได้มหาศาลนั้น อาทิเช่น ไอดี4 ก็หยิบความเชื่อเรื่อง แอเรีย 51 มาต่อยอด ส่วนเรื่อง 2012 ก็เอาความเชื่อเรื่อง ปฏิทินชนเผ่ามายันต์มาเล่นต่อ

โดยที่หนังเรื่องมูนฟอลล์ ก็เล่าเรื่องนักทฤษฎีสมคบคิด  รับบทโดย จอห์น แบรดลีย์ ชายที่ค้นพบว่า ดวงจันทร์กำลังหลุดวงโคจร และกำลังพุ่งตรงมาทางโลก แต่ในสายตาของผู้บริหาร หัวหน้า หรือในสายตาของคนทั่วไป หรือแม้แต่องค์กรนาซ่า ก็ยังไม่มีใครเชื่อเขาเลย เขาจึงเดินทางไปหาอดีตนักบินอวกาศ ที่รับบทโดย แพทริก วิลสัน จนกระทั่งนำไปสู่การเตือนภัยครั้งใหญ่ กลายเป็นภารกิจของผู้บริหารระดับสูงของนาซ่า ในการทำทุกทางเพื่อหยุดดวงจันทร์ ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมาชนโลก ภายในเวลาอีกเพียงแค่ 3 สัปดาห์

จากทฤษฎีของนักดาราศาสตร์โนเนม กลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกต้องหาทางป้องกันหายนะครั้งนี้

กองทัพอเมริกันตัดสินใจว่า พวกเขาต้องทำลายดวงจันทร์ แต่มีอย่างอื่นเกิดขึ้นกับดวงจันทร์ มีบางอย่างอยู่ข้างใน และท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับสามคน ที่จะหยุดดวงจันทร์ จากการทำลายโลก และทั้งสามคนก็ได้แก่ นักบินอวกาศผู้อับอาย ไบรอัน ฮาร์เปอร์, หัวหน้าผู้กล้าหาญของนาซ่า โจซินดา ฟาวล์ และนักทฤษฎีสมคบคิดชื่อ เคซี ซึ่งคิดมานานแล้วว่า ดวงจันทร์เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่

และแน่นอนว่า เคซีทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และรั่วไหลไปยังสื่อโดยนาซ่า เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียงสามสัปดาห์เท่านั้น โดยฮีโร่ทั้งสามของเรา มีความเกี่ยวข้องกันส่วนตัว เรียกว่ามีความสนิทสมกันพอสมควร จึงมีฉากที่เรียกเสียงหัวเราะ และก็บทสนทนาที่เป็นกันเอง ทำให้เราอินไปกับหนังได้ดีขึ้น

แนะนำหนังดีน่าดู

ในส่วนของผู้กำกับ ซึ่งเราก็คงคุ้นเคยกับหนังที่เขาได้สร้าง ที่เป็นแนววันหายนะโลกมาบ้างแล้ว โดยในหนังเรื่องนี้ โรแลนด์ก็ได้หยิบเอาฉาก หรือองค์ประกอบที่คนดูเคยชอบ ในหนังล้างโลกเรื่องก่อนๆ ของเขามาใส่ ตรงกับที่โรแลนด์เคยให้สัมภาษณ์เองว่า “เขาอยากรวมสิ่งที่แฟนๆ ชอบ มาไว้ในหนังเรื่องนี้” แล้วอัปเกรดมันให้อลังการ และตื่นตาขึ้นไปอีก

ซึ่งพวกเราเอง ก็เดาและคาดหวัง ว่าจะมีฉากบ้านพัง ตึกถล่ม ผู้คนหนีเอาตัวรอด และก็คงทำแบบนี้ ให้มันอลังการงานสร้างมากขึ้น แต่ปรากฏว่า โรแลนด์จัดในสิ่งที่ยิ่งกว่ามาให้ ด้วยฉากผจญภัยบนดวงจันทร์ เป็นเหมือนสิ่งที่โรแลนด์ไม่เคยทำมาก่อน พาผู้ชมไปค้นพบความลับของดวงจันทร์ ซึ่งเหนือจินตนาการ และไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ หนังเรื่องนี้เหมือนจะหักล้าง กฏทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันเปิดโอกาสให้โรแลนด์ ได้จัดเต็มจินตนาการอย่างเต็มที่ ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ในดวงจันทร์

แล้วคนดูอย่างพวกเราล่ะ จะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง เพราะสิ่งคำคัญลำดับต้นๆ ของการสร้างหนัง คือผลการตอบรับของคนดู อย่างแรกที่เรารู้สึก คือการที่ลุ้นไปกับหนังว่า มันจะเว่อร์ได้ขนาดไหน และโรแลนด์จะมีอะไรมาเซอร์ไพรสเราได้บ้าง อีกอย่างก็เป็นหนังที่สามารถ ดูได้อย่างสนุก และลุ้นไปกับทุกฉาก อย่าพยายามหาเหตุผล หรือตรรกะใดๆ มาอธิบายในหนังของเขา

แต่ก็อาจจะมีความรู้สึก เบื่อหน่ายบ้าง เพราะแน่นอนว่า ในเรื่องของข่าววันสิ้นโลก ที่กำลังจะมาถึง มันก็ต้องมีความดราม่าเกิดขึ้น เราก็ต้องดูความน้ำเน่า ของปมดราม่าตัวละครไป ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ในหนังวันสิ้นโลกสไตล์เขาจริงๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะชวนน่าหัวเราะในบางที แต่นี่แหละคือความบันเทิง ที่หาได้จากหนังโรแลนด์ รวมถึงท่าที่แบบ ที่เดี๋ยวก็จริงจังบ้าง ไม่จริงจังบ้าง บางฉากจะเอาฮาก็ไปฮาให้สุด อีกสักพักจะจริงจัง ก็ปรับมาเข้าโหมดนี้ได้เหมือนกัน

โดยรวมแล้ว รู้สึกว่ามันสนุกและบันเทิงดี ปล่อยให้ตัวของเนื้อเรื่องมันพาไป และอย่าไปจับผิดอะไรมาก แม้ว่าหนังจะเกิดขึ้นจากทฤษฎีกาวๆ แต่รับรองว่าเนื้อเรื่องที่สนุก และไม่น่าเบื่อเลย ส่วนในตอนจบ และบทสรุปของหนัง ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน xn--72czbs0gd7b9c.com/