ผู้กำกับระดับตำนาน เจมส์ คาเมรอน กับการเดินทางในโลกของภาพยนตร์

Posted 2022/12/27 98 0

ผู้กำกับระดับตำนาน ที่สร้างและกำกับภาพยนตร์ จนคว้ารางวัลและคะแนนนิยมจากผู้ชมมาแล้วมากมาย เรามาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกัน

ผู้กำกับระดับตำนาน ถ้าเราพูดถึงภาพยนตร์ต่างประเทศ หรือหนังจากฮอลลิวู้ดที่เราชอบ เชื่อเลยว่าหนึ่งในนั้น จะต้องมีหนังที่ผ่านฝีมือของผู้กำกับ ชื่อดังก้องโลกอย่าง “เจมส์ คาเมรอน” เพราะเป็นผู้กำกับมือทอง ที่มีแนวคิดไม่ธรรมดา และสร้างปรากฎการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการภาพยนต์อยู่เสมอ และได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งโลกภาพยนตร์ จากการพิสูจน์ฝีมือให้เราเห็นมาแล้ว จากภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง เขาเป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้สร้าง และนักเขียนชาวแคนาดา ที่ได้รับการยกย่อง และได้รับรางวัลมากมายตลอดชีวิตการทำงาน

โดยก่อนจะมาถึงจุดนี้ กว่าจะก้าวมาเป็นผู้กำกับแถวหน้า ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ขนาดนี้ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่เขาเป็นชาวแคนาดา และครอบครัวของเขามาตั้งรกรากที่อเมริกา โดยที่พ่อยึดอาชีพเป็นวิศวกร ด้านวางระบบและไฟฟ้า ส่วนแม่เป็นนางพยาบาล และจิตกร เขาจึงมีความฝันแบบเด็กๆ ว่าโตขึ้นอยากเป็นจิตกรแบบแม่ จนเมื่อเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์ ในสาขาฟิสิกส์ แล้วเริ่มค้นพบว่า สิ่งที่กำลังเรียนอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง แต่ก็มีจุดเปลี่ยนในชีวิต ที่เขาหันเหไปชอบเรื่องของภาพยนตร์

ผู้กำกับระดับตำนาน

แน่นอนว่าสิ่งที่เขาเรียนอยู่ มันไม่ได้ตอบโจทย์กับสิ่งที่เขาชอบ และไม่ใช่ทางที่เขาถนัด จนต้องตัดสินใจดร็อปเรียน และออกมารับจ้างขับรถบรรทุก เพื่อหารายได้แทน หากมีเวลาว่างก็ฝึกเขียนบทหนัง เข้าห้องสมุดศึกษาด้านภาพยนตร์ จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา สะสมความรู้ด้านการถ่ายทำ และเทคนิคต่างๆ อย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งทำให้เขาสะสมความรู้ด้านการถ่ายทำ และเทคนิคพิเศษมาได้อย่างมากมาย จนมาถึงวันหนึ่งที่เขาได้พบกับ สิ่งที่จุดประกายความฝัน และเป็นแรงผลักดันของเขา

ซึ่งเรื่องราวก็ต้องย้อนไปเมื่อปี 1977 วันหนึ่งเขาก็ได้โอกาสเข้าไปดูภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ใครต่อใครก็อยากดู นั่นก็คือเรื่อง สตาร์วอล์ เมื่อหนังจบเขาให้คำสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะสร้างหนังที่ดีเทียบเท่าสตาร์วอล์ให้ได้ และจอร์จ ลูคัส ผู้กับกำหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เขายึดเป็นตัวอย่าง ในด้านการทำงาน และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาตัดสินใจ ลาออกจากการขับรถบรรทุก และเอาจริงเอาจังกับการผลิตหนังสั้น จากนั้นเขาก็เข้ามาทำงานภาพยนตร์เต็มตัว ในหลากหลายตำแหน่งงาน เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ ด้านการทำหนังให้กับตัวเอง

เขาเริ่มทำงานในวงการ ด้วยการช่วยฝั่งสเปเชี่ยลเอฟเฟ็ค และงานดีไซน์ให้หนังหลายเรื่อง โดยทำงานให้กับ โรเจอร์ คอร์แมน และสุดท้ายความมุ่งมั่นพยายามก็เห็นผล เมื่อเขาได้นั่งแท่นเป็นผู้กำกับฝ่ายศิลป์ ให้กับหนังของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ และในที่สุดก็ได้เป็นผู้กำกับ และเขียนบทให้กับหนังเรื่องแรกของเขา ในเรื่อง ขย้ำแหลก ในปี 1981 ด้วยทุนสร้างไม่มาก แต่กลายเป็นว่าผลงานชิ้นแรกของเขา กลับล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า และคนดูแทบจะไม่รู้จักหนังเรื่องนี้เลย

แต่ถึงแม้ว่าการทำหนังเรื่องแรก ที่เขากำกับดูแล จะประเดิมด้วยประสบการณ์ ที่ไม่น่าจดจำเท่าไร เพราะแนวคิดและรูปแบบหนังที่ใหม่เกินไป จนไม่เป็นที่ยอมรับจากผู้ชมหมู่มาก แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝัน และความพยายาม เขาได้หายไป 3 ปี แล้วกลับมาอีกครั้งกับหนังที่ดัดแปลงมาจากฝันร้ายจริงๆ ของเขาเรื่อง เทอร์มิเนเตอร์ หรือคนเหล็ก ที่หลายๆ คนรู้จักที่ลงทุนสร้างไปเพียง 7 ล้านเหรียญแต่สามารถโกยเงินได้ถึง 78 ล้านเหรียญทั่วโลก แถมมีภาคต่อ จนเกิดเป็นแฟรนไชส์แอคชั่นคนเหล็กขึ้นมา

ซึ่งโปรเจ็คต์หนังเรื่องนี้ เกิดมาจากฝันร้ายของเขา ที่ฝันว่าโดนหุ่นยนต์จากอนาคตตามไล่ฆ่า!

แต่ก่อนหน้าที่หนังจะเป็นที่ยอมรับ และกอบโกยรายได้ขนาดนี้ เขานำความฝันมาต่อยอดจนเป็นบทหนัง และขายให้บริษัททำหนังมากมาย แต่ก็โดนปฏิเสธ เพราะตอนนั้น คาเมรอนยังเป็นแค่ผู้กำกับโนเนม ที่ไม่มีประสบการณ์ จนวันนึงค่าย เฮมเดลฟิล์มคอร์ปอเรชั่น ก็ยอมเสี่ยงซื้อบท และให้คาเมรอนกำกับเรื่องนี้ นี่เองคือจุดเริ่มต้นสร้างภาพจำให้ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ในบทคนเหล็ก หุ่นยนต์จากอนาคตที่ถูกส่งย้อนเวลา ซึ่งก็นับได้ว่าเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า เพราะหนังได้รับคำชม ทั้งการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วและฉากแอคชั่นสุดมัน

หนังเรื่องนี้นอกจากจะประสบความสำเร็จอย่างสูง จนถูกสร้างภาคต่อออกมาอีกหลายภาค แล้วยังทำให้เขาได้พบรักกับภรรยาคนแรก เกล แอนน์ เฮิร์ด ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนบท และอำนวยการสร้างหนังเทอร์มิเนเตอร์ มาด้วยกัน จากนั้นคาเมรอนก็สร้างหนังสไตล์ไซไฟ แบบที่เขาหลงไหลออกมาเรื่อยๆ มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ เสมอตัว และเจ๊งไม่เป็นท่า จนต้องเงียบหายไป แต่เขาก็ยังมีโอกาศได้ช่วยเขียนบท ในภาพยนตร์เรื่อง เอเลี่ยน และประสบความสำเร็จ จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 7 สาขาเลยทีเดียว

และชีวิตในการเดินทาง สายเบื้องหลังภาพยนตร์ของเขา ก็กลับพลิกผันครั้งใหญ่อีกครั้ง ในปี 1997 เขากลับมาแก้ตัวใหม่จากงานที่ล้มเหลว และครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่พลิกชีวิตของเขาเลยทีเดียว เมื่อเขาทุ่มสุดตัวให้กับหนังเรื่องใหม่ ไททานิค ที่เขาทั้งเขียนเรื่องและอำนวยการสร้าง รวมไปถึงการหาผู้ร่วมทุนรายใหญ่ เพราะไททานิคเป็นหนังที่ลงทุนสูงมากถึง 200 ล้านเหรียญ แต่เมื่อหนังออกฉาย ทุกคนทั่วโลกต่างเทใจกับความรักของแจ็คกับโรส ท่ามกลางโศกนาฎกรรม บนเรือเดินสมุทรขนาดยักษ์ ที่อัปปางกลางมหาสมุทร

แน่นอนว่าแฟนหนังหลายคน ก็ต้องเคยรู้และรู้จักหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ และเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ ความซาบซึ้งกินใจในความรัก กับภาพฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการ สไตล์หนังในยุคก่อน ทำให้หนังเรื่องนี้กวาดรายได้ทั่วโลก เป็นสถิติรายรับสูงสุดตลอดกาล ยืนนานมาจนปัจจุบันที่ 1,848 ล้านเหรียญ นอกจากนั้นยังกวาดรางวัลออสก้าไปถึง 11 รางวัล และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ รางวัลหนังยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม หนังเรื่องนี้โชว์ศักยภาพให้โลกได้เห็น ถึงการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดยั้งของตัวเขาเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นปีที่คาเมรอนประสบความสำเร็จสุงสุด

และหลังจากความสำเร็จ ทั้งในด้านของรายได้ และรางวัลอีกมามาย รวมไปถึงการตอบรับจากผู้ชม เขาก็ได้ห่างหายไปนานถึง 12 ปี จนเขากลับมาอีกครั้ง พร้อมกับแนวคิด การทำหนังที่สุดอลังการ แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน หนังเรื่องใหม่นี้เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษแบบสุดล้ำ ซึ่งเป็นหนังคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ ทั้งเรื่องที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำ และออกฉายแบบสามมิติ ซึ่งก็คือหนัง อวตาร นั่นเอง เขาทำให้คนทั่วโลกได้ตื่นตาตื่นใจ ไปกับเทคนิคภาพที่สวยงาม ของดาวแพนโดร่า

และเรียกได้ว่า เป็นหนังที่สวยงามแบบตรึงใจ ด้วยเทคนิคของการสร้างหนังแบบสามมิติ จนทำให้หนังเรื่องนี้ ขึ้นแท่นหนังทำรายได้สูงสุด เป็นอับดับหนึ่งแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างไททานิค ไปในที่สุด หากนับช่วงเวลาในการโลดแล่น อยู่ในวงการภาพยนตร์ของคาเมรอน ที่ยาวนานกว่า 20 ปีกับจำนวนหนังที่เขาสร้างและกำกับแล้ว ถือได้ว่าเขาเป็นผู้กำกับหนัง ที่มีผลงานออกมาไม่มากนัก แต่ผลงานส่วนใหญ่ ล้วนเป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง xn--72czbs0gd7b9c.com/