คุกที่แบ่งชนชั้น รีวิวหนังจากเน็ตฟลิกซ์ “เดอะ แพลตฟอ์ม”

Posted 2022/10/16 98 0

คุกที่แบ่งชนชั้น เรื่องราวของนักโทษที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำที่สร้างในแนวดิ่ง คนอยู่ชั้นบนได้กินของดี คนชั้นล่างก็ต้องกินของเหลือ

คุกที่แบ่งชนชั้น กับพล็อตเรื่องที่เรียกได้ว่า ทำออกมาได้ดีมากๆ และยังไม่เปลืองสถานที่ถ่ายทำด้วย กับเรื่องราวของนักโทษคนหนึ่งในเรือนจำ ที่มีเหตุการณ์และบรรยากาศในเรื่องลุ้นระทึก คาดเดาแทบไม่ได้ งานภาพและการกำกับทำได้ดี โพรดักชันอย่างเนี้ยบ ไม่มีจุดหลุดให้เห็นเลย ซึ่งจุดเด่นของเรื่องก็คือเป็นในเรือนจำแนวตั้ง ที่นักโทษชั้นบนได้อยู่ดีกินดี ขณะที่นักโทษชั้นล่างต้องอัตคัดขัดสน และนักโทษชายอย่าง “โกเร็ง” ที่พยายามหาทางเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคน

นี่คือภาพยนตร์ที่สื่อความหมาย ของสังคมในปัจจุบันได้ดีมาก ไม่ว่าจะในสังคมเมือง หรือแม้แต่ในคุกก็ตาม ซึ่งเป็นหนังสัญชาติสเปน ฝีมือการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของกัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นครั้งแรก แต่ประสบการณ์บอกเลยว่าไม่ไก่กา เพราะว่าเขานั้นมีประสบการณ์การทำหนังสั้น โฆษณา และเป็นโพรดิวเซอร์ภาพยนตร์มาก่อนหน้านี้แล้วตั้ง 15 ปี ซึ่งความคร่ำหวอดนี่แหละ ที่ส่งผลทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เดินทางไปคว้ารางวัลมามากมาย แถมในเว็บมะเขือเทศเน่ายังระบุว่าได้คะแนนมะเขือสดไปตั้ง 82%

ซึ่งทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท สามารถที่จะทำหนังที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ไม่ต้องมีฉากหรือบทพูดเยอะ ให้ตัวภาพมันเล่าเรื่อง ซึง่เหมือนมันเป็นการอุปมาอุปมัย จำลองเกี่ยวกับระบบสังคมของมนุษย์ในปัจจุบัน ให้เห็นภาพง่ายๆ ที่เราจะได้ติดตามชีวิตของโกเร็ง ตัวเอกของเรื่อง ที่ต้องเข้ามาอยู่ในคุกที่เรียกว่า “หลุม” ที่มีจำนวนของชั้นสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเขาอาสาเข้ามาอยู่ในนี้เพราะว่า เขาต้องการวุฒิการศึกษา และต้องการเลิกบุหรี่ แต่แล้วเขาก็พบว่าเขามาอยู่ในที่ๆ ไม่ควรจะอยู่เลย

ซึ่งเอาจริงๆ แล้วจะบอกว่าเป็นคุกหรือเรือนจำ ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะมันก็ไม่ใช่คุกซะทีเดียวหรอก มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ศูนย์ดูแลตนเองแนวตั้ง” คืออารมณ์สถานดัดสันดานอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ในตัวมันก็เป็นคุกดีๆ นี่เอง จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากพระเอกอย่างโกเร็งนั้น พาตัวเองเข้ามายังคุกแนวตั้งแห่งนี้ เมื่อเขาตื่นมาก็พบว่า เขานั้นได้มาอยู่ที่ชั้น 48 ร่วมกับชายชราอย่าง “ตรีมากาซี” โดยตรีมากาซีเข้าคุกแห่งนี้มานานหลายเดือนแล้ว เพราะว่าฆ่าคนโดยไม่เจตนา ส่วนโกเร็งนั้นต่างออกไป เพราะว่าตั้งใจที่จะเลือกเข้าคุกนี้มาด้วยตัวเอง

ซึ่งเขาได้ทำข้อสัญญาว่า ถ้าหากเขานั้นสามารถอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ได้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด เขาจะได้รับใบประกาศ 1 ใบ ซึ่งเขายินดีทำแม้ว่าจะแทบไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นี้เลยแม้แต่น้อย ที่เขาเห็นในห้องลึกคับแคบก็คือ หอคอยรับฟ้าที่มีการเขียนหมายเลขชั้น เอาไว้บนกำแพงหอคอยดังกล่าว เป็นหอคอยเรียบๆ ที่ไม่มีการตกแต่งอะไรมีเพียงอ่างล้างหน้า ไม่มีบันไดตรงกลางของอาคารจะมีช่องว่าง ที่เมื่อมองไปแล้วจะพบกับชั้นอีกหลายสิบชั้น เหมือนกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด

และเมื่อมีสัญญาณดังขึ้นมา ก็จะมีแท่นพอดีกับช่องว่างตรงกลาง ที่เลื่อนลงและหยุดในแต่ละชั้น พร้อมกับอาหารที่เรียงมาเต็มอาหารเหล่านี้ เป็นอาหารที่ได้รับการปรุงจากพ่อครัวมากฝีมือที่อยู่ชั้นบนสุด แต่ว่ามีเพียงคนที่อยู่ชั้นบนเท่านั้นที่จะได้รับอาหารที่ดี คนที่อยู่ชั้นด้านล่างจะได้รับเศษอาหาร ที่เหลือต่อมาจากชั้นก่อนหน้า มันเป็นเศษอาหารที่เต็มไปด้วยความเลอะเทอะ จนแทบจะไม่สามารถกินได้ อย่างไรก็ตามเวลาในการรับประทานอาหารของแต่ละชั้น มีเวลาเพียงแค่ 2 นาที เปรียบเสมือนการแบ่งชนชั้นในโลกแห่งความเป็นจริง

ความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น อาจไม่สำคัญเท่ากับการอยู่รอดเพื่อให้ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปอยู่ชั้นบน หรือเพื่ออิสรภาพ

และในแต่ละวัน ทุกอย่างก็จะเป็นแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในหอคอยนี้ และทุกคนในคุกแนวตั้งนี้ก็มีชีวิตในคุกนี้เหมือนเดิม คือแท่นวางอาหารลงมาวันละครั้ง มีอะไรก็ต้องกิน พอแท่นเลื่อนลงก็หมดเวลา พอถึงกลางคืนก็ต้องนอนภายใต้แสงสีแดง พร้อมกับเสียงแท่นวางที่ดีดตัวกลับขึ้นไปด้านบน ด้วยความเร็วสูง พร้อมกับถูกรมแก๊สเพื่อทำให้หลับ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่เดือนใหม่ คนทั้งสองก็จะถูกย้ายไปชั้นใหม่

โดยที่ชะตากรรมของคนทั้งคู่ อาจจะได้ขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงขึ้น ได้กินอาหารที่ดีกว่าคนอื่นๆ หรือลงไปอยู่ชั้นล่างซึ่งอาจจะไม่ได้กินอะไรเลย เพราะอาหารไปไม่ถึง รวมถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ก็อาจเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะว่าในคุกนี้ ความสัมพันธ์หรือมิตรภาพหรือความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น อาจไม่สำคัญเท่ากับการอยู่รอดให้ครบกำหนด และรับใบรับรองเพื่อออกไปสู่อิสรภาพ หรือไม่ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ทุกคนในคุกนี้ต้องร่วมมือร่วมใจกัน

ความน่าสนใจคือ ตลอดทั้งเรื่องเราจะแทบไม่ได้เห็นบรรยากาศ หรือฉากต่างๆ ที่อยู่ภายนอกของหอคอยนี้เลย ความจริงก็มีฉากภายนอกคุกให้เห็นบ้างแหละ แต่ถือว่าน้อยมาก แต่ไม่มีฉากสำคัญที่อยู่ภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างเต็มที่ เราก็จะได้เห็นบรรยากาศของห้องครัว ที่คอยทำอาหารเลี้ยงคนในคุกแนวตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุด กับภายนอกคุกตอนที่โกเร็งกำลังให้สัมภาษณ์กับอิโมกิริ เจ้าหน้าที่หญิงที่คอยทำหน้าที่สัมภาษณ์ และตรวจเช็กทุกๆ คนที่จะเข้าไปอยู่ในคุกแนวตั้งนี้เท่านั้นเอง

วึ่งความสนุกของหนังเรื่องนี้คือ เรื่องของปริศนาที่ต้องขมวดคิ้ว และการทิ้งปมต่างๆ ของเรื่องราวเอาเอาไว้ ทิ้งไอเท็มไว้ตรงนั้น ทิ้งข้อสงสัยไว้ตรงนี้ แล้วก็กลับไปเก็บกวาดได้แบบหมดจด แต่ถึงกระนั้นตัวหนังก็ยังมีข้อสังเกต ที่ทำให้รู้สึกว่าตัวหนังยังไปได้ไม่สุดคือ เรื่องของความไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย อย่างเช่นเหตุผลของโกเร็งและตรีมากาซี ที่เข้ามาในคุกก็ดูไม่ค่อยมีน้ำหนัก ส่วนเรื่องของตัวคุกเอง ส่วนตัวสึกว่ายังมีอะไรลึกลับ ที่หนังไม่ได้เฉลยเยอะเลย ตั้งแต่ว่าใครเป็นเจ้าของดูแลระบบ ใครออกแบบระบบ แนวคิดหลักของการให้อาหารเป็นต้น

ส่วนที่หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีอีกอย่างนั่นก็ คือเรื่องของโพรดักชัน เป็นหนังไซไฟที่งานเนี้ยบมากๆ จนแทบจะจับผิดอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะแท่นอาหารที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนั้น ก็ทำได้แนบเนียนมาก สามารถเคลื่อนขึ้นลงกลางอากาศได้ แบบไม่มีจุดโป๊ะให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มันจะงงหน่อยแหละว่า มันจะเป็นไปได้จริงแค่ไหนกันนะ ประมาณว่าใช้หลักการอะไรให้แท่นอาหารมันลอยได้ ซึ่งในหนังก็ไม่ได้บอก

สรุปคือภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน รวมถึงความโหดร้ายของระบบ ธรรมชาติของมนุษย์ และสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านการแบ่งปันทรัพยากร ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้จะเป็นภาพยนตร์ความยาวเพียง 94 นาทีที่ดำเนินเรื่องอยู่แค่ห้องแคบทรงสี่เหลี่ยม แต่รับประกันเลยว่าโลกแคบๆ นี้อธิบายบริบทของสังคมภายนอก ที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ทุกวันได้อย่างเข้มข้น และกดดันมาก นับเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องบนเน็ตฟลิกซ์ ที่เราไม่อยากให้ใครพลาดเลยจริงๆ xn--72czbs0gd7b9c.com/